วิทยาศาสตร์คิดวิธีสร้างสิ่งที่ใช้คำนวณหา เครื่องวัดความสุข

นัก คณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ของศูนย์คณิตศาสตร์ชั้นสูง มหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ ได้ร่วมกันค้นหาวิธีตรวจวัดขนาดของความสุขของคนเราขึ้นได้..

วารสาร ทางวิชาการ "การศึกษาความสุข" ของสหรัฐฯ แจ้งว่านักคณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ของศูนย์คณิตศาสตร์ชั้นสูง มหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ ได้ร่วมกันค้นหาวิธีตรวจวัดขนาดของความสุขของคนเราขึ้นได้ ใช้วัดจากผู้คนได้ทีละมากๆ โดยที่ไม่รู้ตัวด้วย

นายปีเตอร์ ดอดดส์ และคริส แดนฟอร์ธ ได้ทดลองใช้วิธีการของเขา วัดรู้ผลว่าวันเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ปีกลาย เป็นวันที่ชาวอเมริกันรู้สึกมีความสุขมากที่สุดในรอบระยะเวลา 4 ปีมานี้ และสดๆ ร้อนๆ ก็เมื่อวันราชาเพลงป๊อปไมเคิล แจ๊กสัน ตาย ก็เป็นวันที่ชาว อเมริกันรู้สึกเศร้าสร้อยมากที่สุดวันหนึ่ง

นักวิทยาศาสตร์ทั้งคู่ เปิดเผยวิธีการที่คิดขึ้นว่า "เพราะความแพร่หลายของข้อเขียนส่วนตัว ทางออนไลน์ เช่น ตามบล็อกต่างๆ ทำให้มีโอกาสสามารถจะวัดระดับอารมณ์ผู้คน เมื่อช่วงเวลาหนึ่งเวลาใดได้" และเล่าว่า โดยการเลือกจับประโยคบางประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "ผมรู้สึก" จากข้อเขียนออนไลน์เหล่านั้น และคิดคะแนนให้กับคำที่บ่งถึงความรู้สึกต่างๆ เช่น "ชัยชนะ" 8.87 คะแนน และ "ฆ่าตัวตาย" 1.25 คะแนน.

ขอบคุณแหล่งที่มา/www.thairath.co.th/

horoscope-weekly-love
free-chinese-daily-in-english-language
romance-aries
tomorrow-gemini-love
today-gemini-couple-love
tomorrow-taurus
tomorrow-pisces
romance-love
virgo-weely
horoscope-sign-meaning

ชาวไร่ชาวนาอินเดียปลูกพืชผักแบบพิลึก ใช้ฮอร์โมนมนุษย์เป็นปุ๋ย

หลัง พบว่าเกษตรกรเมืองโรตี ใช้ฮอร์โมนออก-ซิโตซิน เร่งการเติบโตของพืชผัก ด้านนักวิชาการ ระบุ ใช้พร่ำเพรื่ออาจเป็นอันตรายหากบริโภคพืชผักนานๆ...

วารสาร วิทยาศาสตร์ "เดอะ นิว ไซเอนติสท์" อันแพร่หลายของอังกฤษ เปิดเผยว่าชาวไร่ชาวนาในอินเดีย นิยมใช้ฮอร์โมนออก-ซิโตซิน อันเป็นฮอร์โมนแห่งความรักของมนุษย์ ไปใส่ให้กับพืชผัก โดยเฉพาะฟักทองกับแตงกวา เพื่อเร่งการเติบโต

เท่าที่ทราบกัน ฮอร์โมนชนิดนี้เกี่ยวพันกับ พฤติกรรมทางสังคมของมนุษย์ รวมทั้งการช่วยให้ คลอดบุตรง่าย และผลิตน้ำนมเลี้ยงลูก แต่ยังไม่เข้าใจว่า มันมีผลเร่งการเติบโตของพืชผักได้เหตุใด

เจ้าหน้าที่ของอินเดียก็ อยากจะห้าม "การใช้ ฮอร์โมนออกซิโตซินอย่างพร่ำเพรื่อ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากว่าบริโภคพืชผักเหล่านั้นนานๆ"

ผู้ เชี่ยวชาญพืชผักของศูนย์วิจัยรอทแธมสเตด ที่มหาวิทยาลัยเดอแธมในอังกฤษ ก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามันไปช่วยเร่งการเติบโตได้อย่างไร "มันไม่น่าจะเป็นได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไม่ได้เลย อาจจะมีผลบางอย่างในพืช แต่ก็ยังสงสัยเหลือเกินว่า มันจะมีผลกับการออกพืชผลขนาดใหญ่โต ในสถานการณ์ต่างๆกันอย่างไร

ขอบคุณแหล่งที่มา/www.thairath.co.th/


gemini-daily
today-aries-couple-love
today-aries
tomorrow-aries-love
today-pisces-love
annual-gemini
birthday
horoscope-sign-meanings
compatible-love
astrology-or-tarot

แมลงปีกแข็งช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ ไม่ต้องลุยกองขี้วัวถึงเอว

นัก วิทยาศาสตร์ อาร์เจนฯ พบคุณประโยชน์แมลงปีกแข็ง จากมูลที่ถูกปั้นขึ้น เพราะช่วยให้ศึกษาชีวิตสัตว์ดึกดำบรรพ์ ขณะที่มูลโบราณบางลูกโตเท่าลูกเทนนิส...

ถ้าหากโลกขาดพวกแมลงปีกแข็ง ที่อยู่อาศัยตามพื้นดิน ป่านนี้เราคงต้องลุยฝ่ากองขี้วัวและมูลสัตว์ต่างๆกันลึกแค่หัวเข่ากันแล้ว บุญคุณของมันช่วยกำจัดมูลสัตว์เหล่านั้น มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ โดยการปั้นเป็นลูกกลมๆ ขนาดจิ๋ว ไปฝังไว้ใต้ดิน เพื่อเอาไว้กัดกินภายหลัง

แต่ บัดนี้นักวิทยาศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ที่นครบัวโนสไอเรสกับคณะยังได้ค้นพบว่า จากการศึกษาซากโบราณของก้อนมูลสัตว์เก่าแก่ อายุถึง 30 ล้านปีว่า มันยังสร้างบุญคุณไว้มากกว่านั้น

ก้อนมูลสัตว์อายุหลายสิบล้านปีที่ ขุดพบมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโต 3 นิ้ว เป็นมูลของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดยักษ์ของอเมริกาใต้ ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้ว ได้บอกให้รู้ว่ามูลสัตว์เหล่านั้น ยังเท่ากับเป็นแหล่งเสบียงของแมลงจำนวนหนึ่ง ซึ่งแอบขโมยกัดกิน โดยที่แมลงปีกแข็งไม่เห็น "จากรอยและรูตามลูกมูลสัตว์ ส่อว่ามันโดนถูกแมลงปีกแข็ง แมลงวันและไส้เดือนแอบกัดกิน"

ถึงแม้จะ ไม่เคยพบซากโบราณมูลของแมลงปีกแข็ง ผู้นักสะสมมูลสัตว์เลยก็ตาม แต่นักวิทยาศาสตร์ก็รู้สึกพิศวงในผลงานของมันมาก เพราะซากโบราณของลูกมูลสัตว์ที่มันปั้นไว้เมื่อ 40 ล้านปี บางลูกโตเกือบเท่าลูกเทนนิสก็มี.

ขอบคุณแหล่งที่มา/www.thairath.co.th/

birthday
leo-love-life
keen-daily
free-online-readings
tomorrow-taurus-love
leo-love
today-gemini
astrology-free
tomorrow-virgo-love
todays-love-for-virgo

อุณหภูมิของโลกสูงเพราะวงจรอุบาทว์ เมฆหุบร่มบังแดด

นัก วิทยาศาสตร์ พบเหตุทำโลกร้อน ชี้ โลกอุ่นขึ้นเนื่องจากปริมาณก๊าซที่ทำให้โลกร้อนเพิ่มมากขึ้น เมฆหมอกที่เคยบังแดดเริ่มกระจาย ทำให้มหาสมุทรโดนแดดมากขึ้น...

นัก วิทยาศาสตร์พบหลักฐานที่แข็งแรงของเหตุอันเป็นชนวนทำให้อุณหภูมิโลกสูงว่า เมื่อน้ำในมหาสมุทรอุ่นขึ้น จะปรากฏว่าเมฆหมอกพากันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากขึ้น เปิดให้โลกโดนแดดส่องทั่วถึงยิ่งขึ้น จนนักวิทยาศาสตร์ถึงกับเรียกขานว่าเป็น "วงจรอุบาทว์"

คณะนักวิทยา ศาสตร์มหาวิทยาลัยไมอามีของสหรัฐฯได้หันมาสนใจศึกษาแบบแผนของกลุ่มเมฆ หมอกระยะต่ำ เพราะมันได้แสดงว่ามีผลกับความร่มเย็นของโลกโดยตรง เนื่องจากเมฆหมอกช่วยสะท้อนแสงแดดออกไป

พวกเขาได้พบว่า ขณะเมื่อโลกอุ่นขึ้นเนื่องจากปริมาณก๊าซที่ทำให้โลกร้อนเพิ่มมากขึ้น เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่ในระดับต่ำ ช่วยบังแดดจะเริ่มแตกกระจัดกระจายขึ้นไปอยู่ในชั้นบรรยากาศที่อุ่นกว่า ซึ่งยิ่งเปิดให้มหาสมุทรโดนแดดมากขึ้น ขณะเดียวกัน มันก็กลับยิ่งทำให้เมฆหมอกชั้นต่างๆยิ่งแตกกระจายออกไปมากขึ้น เป็นอยู่เช่นนี้ จน ดร.อามี คลีเมนต์ หัวหน้าคณะวิทยาศาสตร์ ได้เรียกมันว่าเป็น "วงจรอุบาทว์".

ขอบคุณแหล่งที่มา/www.thairath.co.th/

today-cancer-the-sign
free-astrology-matches
tomorrow-leo-couple-love
daily-for-gemini
pisces-love
animal-signs-tibetan-astrology
yearly
horoscope-pisces-love
free-yearly-readings
today-for-taurus

เปิดกระป๋องโซดา...แบบซ่าไม่ออก

กระป๋อง น้ำอัดลมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นโคล่า โซดา ถ้าถูกเขย่าหรือกระเทือนทีไร เปิดปุ๊บน้ำพุ่งออกมา ทั้งหกเลอะเทอะ และน่าเสียดาย...เอ แล้วจะเปิดอีท่าไหน สำหรับคนใจร้อน....

เคล็ดไม่ลับแบบง่ายๆ สำหรับวัยรุ่นร้อนใจ ไม่อยากรอให้เสียเวลา...หยิบขึ้นมาเลยกระป๋องน้ำโซดาที่ยังไม่ได้เปิด หรือกระป๋องที่อยากจะกินนั่นล่ะ

วิธีการ 1) เขย่า เขย่า เขย่า และเขย่ากระป๋องที่เตรียมการไว้ (หรือถ้าไม่อยากเขย่าก็...ใช้กระป๋องที่เพิ่งตกพื้น หรือไม่ก็ถูกเขย่าโดยไม่ได้ตั้งใจ)

2) วางกระป๋องลงบนโต๊ะ และเคาะข้างๆ กระป๋องโซดาที่เพิ่งเขย่าไปหมาดๆ ด้วยนิ้วหรืออะไรก็ได้ ขณะที่เคาะก็หมุนไปด้วย เคาะไปเรื่อยๆ สักประมาณ 5 – 10 ครั้ง เป็นอันใช้ได้ 3) เคาะเสร็จแล้วก็หายใจเข้า-ออกอึดใจหนึ่ง 4) หันปากกระป๋องไปไกลๆ ตัว (ทั้งตัวคุณเองและคนอื่นๆ และอะไรก็ตามที่ไม่อยากให้เปียกปอนด้วยฟองโซดา) เปิดกระป๋อง แล้วลองดูว่าเกิดอะไรขึ้น !! ..... อ่ะ...บอกให้ก็ได้ว่า น้ำในกระป๋องก็จะไม่พุ่งกระเด็นออกมาสักหยดเลยไง อ้อ... แต่ถ้าจะให้ดี ต้องทดลองกับ 2 กระป๋องข้างๆ กัน นำมาเขย่าทั้งคู่ แต่ว่าเคาะแค่กระป๋องใดกระป๋องหนึ่ง ส่วนอีกกระป๋องไม่ต้องเคาะ แล้วก็จะเห็นความแตกต่าง แต่ระวังจะหกเลอะเทอะล่ะ

ไขความมหัศจรรย์ : เครื่องดื่มคาร์บอเนต หรือเครื่องดื่มน้ำอัดลมผสมโซดาทั้งหลาย ต่างบรรจุด้วยแรงอัด และคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งก็คือฟองอากาศ บางๆ ที่เวลาเทลงแก้ว และเกิดฟองปุ๊ดๆๆๆๆ ในแก้วพอเราดื่มเข้าไป ก็จะรู้สึกซ่าาาา....ทุกหยด...

เมื่อน้ำอัดลมผสมโซดา หรือน้ำโซดาเหล่านี้ถูกเขย่า ฟองก๊าซก็จะกระจัดกระจาย และเมื่อเปิดกระป๋องออกทันทีก็จะทำให้ฟองก๊าซเหล่านี้ พยายามยื้อแย่งออกจากกระป๋อง ไปสู่ที่ที่มีแรงดันน้อยกว่า การเคาะกระป๋องถือว่าช่วยกระตุ้นให้ฟองหลุดออกจากการเกาะที่ข้างๆ และก้นกระป๋อง จนทำให้ลอยขึ้นมาอยู่ที่ส่วนบนของกระป๋อง ฉะนั้นพอเปิดฝากระป๋องขึ้นมา เจ้าเหล่าฟองซ่า เลยไม่ยื้อแย่งกันออกมานอกกระป๋อง...นั่นเอง ขอบคุณแหล่งที่มา/http://www.manager.co.th

chinese-dragon
today-sagittarius-couple-love
weekly-gemini-romance
daily
horoscope-compatibility
horoscope-love-o-meter
scorpio
chinese-astrology-chinese
chinese-love-match
virgo

Hello

vanessa.chard